สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะสอบ HSK (Hanyu Shuiping Kaoshi) หรือแบบทดสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาจีน หลายคนอาจสงสัยว่า “จะต้องเตรียมตัวยังไงให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก?”
บทความนี้จะพาไปรู้จักวิธี เตรียมสอบ HSK อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ทำความเข้าใจกับข้อสอบ ไปจนถึงเทคนิคและเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณสอบผ่านในครั้งเดียว
HSK คืออะไร และมีทั้งหมดกี่ระดับ?
HSK (汉语水平考试) คือการสอบวัดระดับภาษาจีนมาตรฐานที่จัดโดย Hanban หรือศูนย์สอบภายใต้กระทรวงศึกษาธิการของจีน เพื่อใช้วัดทักษะด้านการฟัง การอ่าน และการเขียนของผู้เรียนภาษาจีนในระดับต่าง ๆ
โดยปัจจุบันการสอบ HSK แบ่งออกเป็น 6 ระดับ ได้แก่
- HSK 1–2: เหมาะสำหรับผู้เริ่มเรียนภาษาจีน เน้นคำศัพท์พื้นฐานและโครงสร้างประโยคง่าย ๆ
- HSK 3–4: สำหรับผู้มีพื้นฐานระดับกลาง เข้าใจบทสนทนาในชีวิตประจำวันและอ่านเนื้อหาทั่วไปได้
- HSK 5–6: สำหรับผู้ที่ใช้ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว สามารถอ่านบทความ ข่าว หรือวรรณกรรมภาษาจีนได้
โดยระดับ HSK 4 ขึ้นไป มักเป็นระดับที่สถาบันการศึกษาและองค์กรต่าง ๆ ใช้ในการพิจารณาทุนหรือการสมัครงาน
สอบ HSK กี่คะแนนถึงจะ “ผ่าน”?
แต่ละระดับของ HSK จะมีคะแนนเต็ม 200 หรือ 300 คะแนน แล้วแต่ระดับข้อสอบ
เกณฑ์ผ่านขั้นต่ำคือ 60% ของคะแนนเต็ม
ตัวอย่างเช่น
- HSK 1–2: คะแนนเต็ม 200 ต้องได้ 120 คะแนนขึ้นไป
- HSK 3–6: คะแนนเต็ม 300 ต้องได้ 180 คะแนนขึ้นไป
ดังนั้น การวางแผนและทำความเข้าใจกับโครงสร้างข้อสอบตั้งแต่ต้นจึงสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณรู้ว่าควรเน้นอ่านหรือฝึกทักษะด้านใดเป็นพิเศษ
HSK ยากไหม?
ถือเป็นคำถามยอดฮิตของผู้เริ่มต้นในการเตรียมสอบ HSK เลยก็ว่าได้ โดยความยากของ HSK ขึ้นอยู่กับ “ระดับที่คุณสมัครสอบ” และ “เป้าหมายทางภาษาจีนของแต่ละบุคคล”
- หากเป็นผู้เริ่มต้นที่เพิ่งเรียนภาษาจีนได้ไม่นาน HSK 1–2 จะไม่ยากมาก เพราะคำศัพท์ที่ใช้ไม่เกิน 300–600 คำ
- แต่ถ้าต้องการใช้เพื่อศึกษาต่อหรือทำงานในประเทศจีน HSK 4–6 จะท้าทายขึ้น เนื่องจากต้องรู้คำศัพท์มากกว่า 1,200–5,000 คำ และเข้าใจภาษาจีนเชิงลึก
อย่างไรก็ตาม ความยากจะลดลงมากหากมีการ เตรียมสอบ HSK อย่างเป็นระบบ และรู้แนวข้อสอบล่วงหน้า
โครงสร้างข้อสอบ HSK ที่ควรรู้ก่อนสอบ
ก่อนจะเริ่มเตรียมสอบ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจ โครงสร้างของข้อสอบ HSK ในแต่ละระดับ เพราะแต่ละระดับจะมีจำนวนพาร์ตและรูปแบบคำถามที่แตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งถ้ารู้แนวข้อสอบล่วงหน้า จะช่วยให้วางแผนอ่านได้ตรงจุดมากขึ้น
โดยทั่วไป ข้อสอบ HSK จะวัดทักษะหลัก ๆ 3 ด้าน คือ
- การฟัง (Listening)
- การอ่าน (Reading)
- การเขียน (Writing)
แต่ในระดับต้นบางระดับยังไม่มีพาร์ตการเขียน
รายละเอียดของแต่ละระดับโดยสรุปมีดังนี้…
HSK 1 และ HSK 2
- มี 2 พาร์ตเท่านั้น คือ ฟัง และ อ่าน
- ไม่มีพาร์ตเขียน
- เน้นการเข้าใจคำศัพท์และประโยคพื้นฐานในชีวิตประจำวัน
- คำถามส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบภาพและบทสนทนาสั้น ๆ
HSK 3 และ HSK 4
- มีครบทั้ง 3 พาร์ต: ฟัง, อ่าน และเขียน
- ระดับ 3 เริ่มให้เขียนคำหรือประโยคสั้น ๆ ส่วนระดับ 4 จะเริ่มซับซ้อนขึ้น ต้องเขียนประโยคที่มีไวยากรณ์ถูกต้องและต่อเนื่อง
- ข้อสอบเริ่มมีบทความยาวขึ้น ต้องเข้าใจใจความสำคัญของเนื้อเรื่อง
HSK 5 และ HSK 6
- มีทั้ง ฟัง, อ่าน และเขียน เช่นกัน แต่เนื้อหาจะเข้มข้นและยาวขึ้นมาก
- ผู้สอบต้องสามารถฟังข่าวหรือบทสัมภาษณ์ยาว ๆ ได้
พาร์ตการอ่านจะเป็นบทความแนววิเคราะห์ ส่วนพาร์ตเขียนจะให้เขียนเรียงความหรือสรุปเนื้อหาที่อ่านหรือฟังมา - เหมาะกับผู้ที่ใช้ภาษาจีนในระดับวิชาการหรือการทำงาน
จะเห็นได้ว่า ยิ่งระดับสูงขึ้นเท่าไร ทักษะ “ฟัง อ่าน เขียน” ก็ยิ่งต้องใช้ความเข้าใจและการฝึกฝนมากขึ้น ดังนั้น การฝึกทุกพาร์ตควบคู่กันไปตั้งแต่ต้น จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับข้อสอบจริงได้ทุกระดับ
ขั้นตอนเตรียมสอบ HSK ให้ผ่านในครั้งเดียว
1. วางเป้าหมายและเลือกระดับที่เหมาะสม
เริ่มจากการประเมินพื้นฐานภาษาจีนของตัวเองก่อน ว่าคุณอยู่ในระดับไหน เช่น
- ถ้าเพิ่งเริ่มเรียน → เริ่มจาก HSK 1
- ถ้ามีพื้นฐานแล้วและต้องการใช้สมัครงาน → HSK 4
- ถ้าอยากเรียนต่อจีน → HSK 5–6
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้วางแผนอ่านได้ตรงจุด ไม่เสียเวลาอ่านเกินหรือขาดในส่วนที่ไม่จำเป็น
2. สมัครเรียน “คอร์สเรียน HSK ออนไลน์” เพื่อทบทวนอย่างมีระบบ
แม้จะสามารถอ่านเองได้ แต่การลง คอร์สเรียน HSK ออนไลน์ ช่วยให้การเตรียมสอบมีโครงสร้างชัดเจนมากกว่า เพราะคุณจะได้รับทั้งแนวข้อสอบจริง แบบฝึกหัด และคำแนะนำจากผู้สอนที่มีประสบการณ์โดยตรง
ปัจจุบันหลายสถาบันมีคอร์สเรียนแบบออนไลน์ทั้งแบบกลุ่มและแบบติวตัวต่อตัว สามารถเรียนซ้ำได้ตลอด และมีระบบจำลองข้อสอบเสมือนจริง (Mock Test) ที่ช่วยให้คุณคุ้นชินกับรูปแบบข้อสอบก่อนวันจริง
3. ฝึกฟังภาษาจีนทุกวัน
พาร์ต “ฟัง” มักเป็นส่วนที่ผู้สอบหลายคนทำคะแนนได้ไม่ดี เพราะใช้เวลาในการฝึกสั่งสมความคุ้นเคย
เทคนิคคือ
- ฟังข่าวภาษาจีน เพลง หรือ Podcast ภาษาจีนวันละอย่างน้อย 15 นาที
- จดคำศัพท์ใหม่ที่ได้ยินบ่อย ๆ แล้วลองแต่งประโยคเอง
- ฝึกทำข้อสอบเก่าของ HSK เพื่อจับจังหวะการพูดของเจ้าของภาษา
4. ท่องคำศัพท์ HSK ตามระดับอย่างสม่ำเสมอ
แต่ละระดับของ HSK มีจำนวนคำศัพท์ที่กำหนดไว้ เช่น
- HSK 1: 150 คำ
- HSK 2: 300 คำ
- HSK 3: 600 คำ
- HSK 4: 1,200 คำ
- HSK 5–6: มากกว่า 2,500–5,000 คำ
แนะนำให้ใช้แอปหรือแฟลชการ์ดออนไลน์ เช่น Anki, Quizlet เพื่อช่วยจำคำศัพท์ได้เร็วขึ้น และควรฝึกแต่งประโยคสั้น ๆ จากคำศัพท์นั้นเพื่อให้จำได้อย่างเข้าใจ ไม่ใช่แค่ท่องจำ
5. ติวสอบ HSK ด้วยแนวข้อสอบจริง
ก่อนสอบอย่างน้อย 1 เดือน ควรเริ่มทำข้อสอบเก่าหรือแนวข้อสอบจำลอง (Mock Test) เพื่อทดสอบความพร้อมจริง
ข้อดีคือจะช่วยให้คุณรู้ว่า
- พาร์ตไหนใช้เวลามากเกินไป
- จุดอ่อนของตัวเองคืออะไร
- และควรปรับจังหวะการทำข้อสอบยังไงให้ครบทุกข้อภายในเวลา
ผู้เรียนหลายคนที่สามารถสอบผ่านในครั้งเดียว มักจะทำแนวข้อสอบเก่าซ้ำอย่างน้อย 3–5 ชุดก่อนวันจริง เพื่อฝึกทั้งความเร็วและความแม่นยำ
เทคนิคสอบ HSK ให้ได้คะแนนดี
นอกจากการอ่านหนังสือและติวข้อสอบแล้ว ยังมี เทคนิคสอบ HSK ที่ช่วยเพิ่มโอกาสทำคะแนนได้มากขึ้น เช่น….
- ทำพาร์ตฟังก่อนด้วยความตั้งใจสูงสุด เพราะส่วนนี้ใช้สมาธิมากที่สุด
- อ่านคำถามก่อนฟังเสียง เพื่อคาดเดาคำตอบได้เร็วขึ้น
- อย่าใช้เวลานานกับข้อเดียว ถ้าทำไม่ได้ให้ข้ามก่อนแล้วกลับมาทำทีหลัง
- เขียนให้อ่านง่ายและตรงประเด็น โดยเฉพาะในพาร์ตเขียนของ HSK 4–6
- พักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนวันสอบจริง สมองจะได้จำคำศัพท์และเข้าใจภาษาได้ดีกว่าเดิม
สรุป เตรียมสอบ HSK ให้ผ่านไม่ยาก ถ้าเริ่มต้นอย่างมีแผน
การ เตรียมสอบ HSK ให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรกไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากคุณมีแผนการอ่านที่ชัดเจน ฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน อย่างสม่ำเสมอ และรู้แนวข้อสอบที่ต้องเจอจริง
ไม่ว่าจะเรียนด้วยตนเองหรือผ่าน คอร์สเรียน HSK ออนไลน์ สิ่งสำคัญคือ “ความต่อเนื่องและความเข้าใจในภาษา” มากกว่าการท่องจำอย่างเร่งรีบ
เพราะสุดท้าย การสอบ HSK ไม่ได้วัดแค่คะแนน แต่ยังเป็นการพิสูจน์ความเข้าใจภาษาจีนในชีวิตจริงของแต่ละคนด้วย

