หากพูดถึงการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก “IELTS” หรือ International English Language Testing System ถือเป็นหนึ่งในข้อสอบสำคัญที่หลายคนต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อ ทำงาน หรือต้องการยื่นขอวีซ่าในต่างประเทศ แต่คำถามคือ…จะเริ่มเตรียมสอบ IELTS อย่างไรดีให้ได้ Band สูง ตามเป้าหมาย?
บทความนี้จะพาไปดูแนวทางการเตรียมตัวอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การทำความเข้าใจรูปแบบข้อสอบ ไปจนถึงเทคนิคการฝึกฝนและการบริหารเวลา เพื่อให้พร้อมสำหรับวันสอบจริงมากที่สุด
1. ทำความเข้าใจกับรูปแบบข้อสอบ IELTS ก่อนเริ่มเตรียมตัว
สิ่งแรกที่ผู้สอบทุกคนต้องรู้ก่อนคือ “Format ของข้อสอบ IELTS” เพราะเมื่อเข้าใจโครงสร้างทั้งหมดแล้ว การวางแผนอ่านจะชัดเจนและตรงจุดมากขึ้น
ข้อสอบ IELTS แบ่งเป็น 4 พาร์ต ได้แก่….
- Listening (การฟัง) – 40 ข้อ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- Reading (การอ่าน) – 40 ข้อ ใช้เวลา 60 นาที
- Writing (การเขียน) – 2 Tasks ใช้เวลา 60 นาที
- Speaking (การพูด) – สนทนากับผู้สอบประมาณ 11–14 นาที
โดยมีให้เลือกสอบ 2 แบบ คือ
- IELTS Academic – สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ
- IELTS General Training – สำหรับการทำงานหรือย้ายถิ่นฐาน
เมื่อรู้รูปแบบแล้ว ให้ลองทำแบบทดสอบตัวอย่าง (IELTS Practice Test) เพื่อดูว่าตัวเองอยู่ในระดับใด จะได้รู้จุดแข็งและจุดที่ควรปรับปรุงก่อนเริ่มเตรียมอย่างจริงจัง
2. วางแผนการอ่านให้เหมาะกับเวลาและเป้าหมาย Band ที่ต้องการ
การเตรียมสอบ IELTS ที่มีประสิทธิภาพควรเริ่มจากการ “ตั้งเป้าหมาย Band” ที่ต้องการ เช่น Band 6.5, 7.0 หรือ 8.0 เพราะแต่ละระดับต้องใช้ทักษะและความแม่นยำที่ต่างกัน
ตัวอย่างเช่น…
- Band 6.0: ใช้ภาษาได้ดีในระดับทั่วไป แต่ยังมีข้อผิดพลาดบ้าง
- Band 7.0: ใช้ภาษาได้อย่างคล่องและเข้าใจบริบทหลากหลาย
- Band 8.0 ขึ้นไป: ใช้ภาษาได้เหมือนเจ้าของภาษาในสถานการณ์ส่วนใหญ่
เมื่อรู้เป้าหมาย Band แล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการ “วางแผนการอ่าน” ให้เหมาะกับเวลาที่มีอยู่และระดับคะแนนที่ต้องการ ตัวอย่างแผนการเตรียมสอบที่สามารถปรับใช้ได้ มีดังนี้
- สัปดาห์ที่ 1–2:
เริ่มจากทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ IELTS ทั้ง 4 พาร์ต และลองทำแบบทดสอบเบื้องต้นเพื่อประเมินระดับภาษาในปัจจุบัน รวมถึงจดบันทึกจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา - สัปดาห์ที่ 3–4:
เน้นฝึกทักษะ Listening และ Reading เพื่อเพิ่มความคุ้นเคยกับสำเนียงต่าง ๆ และฝึกอ่านจับใจความอย่างรวดเร็ว ควรฝึกทำข้อสอบเก่าพร้อมจับเวลา เพื่อให้ชินกับแรงกดดันในสนามสอบจริง - สัปดาห์ที่ 5–6:
หันมาเน้นพัฒนา Writing และ Speaking โดยฝึกเขียนเรียงความตามหัวข้อที่ออกบ่อย และพูดตอบคำถาม IELTS Speaking Part 2–3 ให้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ใช้ Grammar และ Vocabulary ให้หลากหลาย - สัปดาห์ที่ 7–8:
ทำแบบทดสอบจำลอง (Mock Test) ให้ครบทั้ง 4 พาร์ต เพื่อประเมินความพร้อมขั้นสุดท้าย แล้ววิเคราะห์ว่าพาร์ตไหนยังอ่อนหรือใช้เวลามากเกินไป จากนั้นปรับจุดบกพร่องก่อนวันสอบจริง
หากมีเวลาน้อยหรือไม่มั่นใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน การลงเรียนกับติวเตอร์ใน คอร์สเรียน IELTS ออนไลน์ หรือ เรียน IELTS ตัวต่อตัว จะช่วยให้วางแผนการอ่านได้ตรงจุดมากขึ้น และได้รับคำแนะนำเฉพาะบุคคลจากผู้สอนมืออาชีพ
3. ฝึก Listening ให้เข้าใจสำเนียงและจับประเด็นได้เร็ว
พาร์ต Listening มักเป็นจุดที่ผู้สอบพลาดได้ง่าย เพราะมีหลายสำเนียง เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย หรืออเมริกัน และเนื้อหาบางส่วนจะพูดเพียงครั้งเดียว ดังนั้นต้องฝึก “ฟังและเข้าใจในครั้งเดียว”
เทคนิคสอบ IELTS พาร์ต Listening
- ฝึกฟัง Podcast หรือคลิป YouTube ภาษาอังกฤษทุกวัน เช่น BBC Learning English หรือ IELTS Listening Practice
- ฝึกจด Note ระหว่างฟัง เพื่อจับ Keyword สำคัญ
- อย่าพยายามเขียนทุกคำ แต่จดเฉพาะข้อมูลหลัก เช่น ตัวเลข ชื่อสถานที่ หรือคำตอบที่เป็นคำสำคัญ
การฝึกฟังอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้จับสำเนียงได้ดีขึ้น และช่วยให้คะแนนพาร์ตนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
4. ฝึก Reading ให้เร็วและแม่นยำ
ข้อสอบ Reading ใช้เวลา 60 นาที มีทั้งหมด 3 บทความ ความยาวประมาณ 2,000–3,000 คำต่อบทความ ผู้สอบจึงต้อง “อ่านเร็วและเข้าใจเนื้อหา”
เทคนิคการอ่าน IELTS ให้ได้ Band สูง
- ฝึก Skimming (อ่านหาความหมายโดยรวม) และ Scanning (อ่านหาคำตอบเฉพาะจุด)
ขีดเส้นใต้ Keyword ระหว่างอ่านเพื่อช่วยหาคำตอบ - อย่าอ่านทุกคำ เพราะจะเสียเวลา ให้จับใจความหลักแทน
- ฝึกทำข้อสอบย้อนหลังและจับเวลาเสมอ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับแรงกดดันจริง
วิธีอ่าน IELTS ที่ดีคือการอ่านทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อหาทางวิชาการเท่านั้น แต่อ่านบทความข่าวหรือบทสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษก็ช่วยพัฒนาความเข้าใจได้มาก
5. พัฒนาทักษะ Writing ด้วยการฝึกเขียนและได้รับ Feedback
Writing เป็นพาร์ตที่หลายคนรู้สึกยากที่สุด เพราะต้องเขียนอย่างเป็นระบบและใช้ภาษาที่เป็นทางการ
IELTS Writing แบ่งเป็น
- Task 1 (Academic): เขียนอธิบายข้อมูลจากกราฟ แผนภูมิ หรือแผนที่
- Task 1 (General): เขียนจดหมาย
- Task 2: เขียน Essay แสดงความเห็นหรืออธิบายเหตุผล
เทคนิค Writing ให้ได้ Band สูง
- ศึกษาโครงสร้างของแต่ละ Task ให้เข้าใจ เช่น Introduction – Body – Conclusion
- ใช้คำศัพท์หลากหลาย (Vocabulary Range) แต่ไม่ต้องซับซ้อนเกินไป
- ตรวจสอบ Grammar ให้ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่อง Tense และคำเชื่อม (Linking Words)
- เขียนให้ครบตามจำนวนคำที่กำหนด (Task 1: 150 คำ, Task 2: 250 คำ)
- ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจและให้ Feedback เพื่อปรับปรุงจุดอ่อน
หากต้องการแนวทางที่เป็นระบบมากขึ้น สามารถใช้ e-book IELTS Writing หรือคอร์สเฉพาะทาง เช่น “คอร์ส IELTS Writing ออนไลน์” เพื่อฝึกเขียนตามแนวข้อสอบจริง
6. ฝึก Speaking ให้มั่นใจด้วยการพูดทุกวัน
พาร์ต Speaking เป็นการสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับผู้สอบ 3 ส่วน ได้แก่
- แนะนำตัวและคำถามทั่วไป
- การพูดเล่าเรื่องยาวจากหัวข้อที่ได้รับ (Cue Card)
- การสนทนาเชิงลึกต่อเนื่องจากหัวข้อเดิม
เทคนิคสอบ IELTS Speaking
- พูดภาษาอังกฤษทุกวัน แม้จะคนเดียวก็ตาม เช่น บรรยายสิ่งรอบตัว หรือพูดถึงประสบการณ์
- ฝึกตอบคำถามจาก Cue Card จริง ๆ เช่น “Describe a place you want to visit”
- อย่าท่องจำคำตอบ แต่ให้พูดอย่างเป็นธรรมชาติ
- ใช้น้ำเสียงและภาษากายช่วยสื่อความมั่นใจ
การเรียน IELTS Speaking ตัวต่อตัว จะช่วยให้ได้รับคำแนะนำเฉพาะบุคคล เช่น การออกเสียง (Pronunciation) หรือการเรียบเรียงคำพูดให้เหมาะสมกับ Band ที่ต้องการ
7. ฝึกคำศัพท์ (Vocabulary) และ Grammar ให้แม่น
นอกจากทักษะทั้ง 4 ด้านแล้ว สิ่งที่ช่วยยกระดับคะแนน IELTS ได้จริงคือ “คลังคำศัพท์และไวยากรณ์”
แนวทางฝึกศัพท์ IELTS ให้จำได้ยาว
- จัดหมวดหมู่คำศัพท์ เช่น ศัพท์ด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี
- ฝึกใช้คำศัพท์ในประโยคจริง เพื่อเข้าใจบริบท
- ใช้ Flashcard หรือแอปเรียนศัพท์ เช่น Quizlet เป็นต้น
- อ่าน e-book หรือบทความ IELTS Vocabulary เพื่อเสริมคำศัพท์ที่ออกบ่อย
ส่วน Grammar ควรฝึกเน้นเรื่องโครงสร้างประโยค การใช้ Verb Tense และ Linking Words ซึ่งจะช่วยให้ Writing และ Speaking ดูเป็นธรรมชาติและเป็นทางการมากขึ้น
8. บริหารเวลาและทำแบบทดสอบจำลองก่อนสอบจริง
การสอบ IELTS ต้องใช้การจัดการเวลาที่ดี เพราะทุกพาร์ตมีเวลาจำกัด
เทคนิคจัดการเวลาในการสอบ IELTS
- ฝึกทำข้อสอบจำลอง (Mock Test) โดยจับเวลาเหมือนจริง
- วิเคราะห์จุดที่ใช้เวลานานที่สุด แล้วปรับวิธีทำข้อสอบให้เร็วขึ้น
- ฝึกสลับทำข้อสอบแต่ละพาร์ต เพื่อจำลองสภาพจริงของวันสอบ
เมื่อฝึกทำแบบทดสอบหลายครั้ง จะช่วยให้มั่นใจมากขึ้นและไม่ตื่นเต้นในวันสอบจริง
9. สมัครเรียนคอร์ส IELTS ออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสได้ Band สูง
สำหรับใครที่ต้องการแนวทางการเตรียมสอบอย่างเป็นระบบ การเรียนกับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เข้าใจแนวข้อสอบเร็วขึ้นมาก โดยเฉพาะ คอร์สเรียน IELTS ออนไลน์ หรือ เรียน IELTS ตัวต่อตัว ซึ่งจะช่วยปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษให้เหมาะกับ Band ที่ต้องการ และได้คำแนะนำเฉพาะตัวจากผู้สอนมืออาชีพ
ข้อดีของคอร์สออนไลน์คือ
- เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา
- มีแบบฝึกหัดและ Feedback ส่วนตัว
- ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
สรุป: การเตรียมสอบ IELTS ให้ได้ Band สูง ไม่ยากอย่างที่คิด
การจะได้คะแนน IELTS Band สูง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเก่งภาษาอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ “การเตรียมตัวอย่างมีระบบ” ด้วย เริ่มจาก
- รู้ Format ของข้อสอบ
- วางแผนการอ่านให้ชัด
- ฝึกฝนทุกทักษะ Listening – Reading – Writing – Speaking อย่างสม่ำเสมอ
- เพิ่มคลังคำศัพท์และฝึก Grammar ให้แม่น
- ฝึกทำข้อสอบจำลองก่อนวันจริง
สุดท้าย หากอยากให้การเตรียมสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น การเรียนกับติวเตอร์ผ่าน คอร์สเรียน IELTS ออนไลน์ หรือ เรียน IELTS ตัวต่อตัว จะช่วยให้เข้าใจข้อสอบเชิงลึกและเพิ่มโอกาสคว้า Band ที่ตั้งใจได้เร็วขึ้น

